วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชบา




ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus rosa-sinensis
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ: Chinese hibiscus, China rose, Hawaiian hibiscus,  shoe flower
อาณาจักร : Plantae
อันดับ : Malvales
สกุล : Hibicus
สปีชีส์ : H.rosa-sinensis
เผ่า : Hibisceae
วงศ์ : Malvaceae
เป็นพืชพื้นเมืองในเอเชียตะวันออก

ชบาเป็นพืชยืนต้นประเภทไม้พุ่มเนื้ออ่อนขนาดย่อม 

ประเภทของดอกอาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ
   1.ดอกบานเป็นรูปถ้วย
   2.ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน
   3.กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง
   ชบาเป็นไม้พุ่มขนาด 1-3 เมตร อาจสูงได้ถึง 7-10 เมตร ใบรูปไข่กว้าง ปลายใบแหลมเรียว ขอบใบจักหรือขอบใบเรียบ ดอกออกตามซอกใบใกล้ปลายยอด ก้านดอกยาว กลีบรองดอกมี 2 ชั้น สีเขียว ดอกมีทั้งดอกลาและดอกซ้อน มีหลายสี มีทั้งดอกใหญ่และดอกเล็ก ถ้าดอกลาจะมี 5 กลีบ
    ชบาเป็นดอกที่สมบูรณ์เพศ มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย เกสรตัวผู้เป็นดอกยาวยื่นขึ้นมากลางดอก ปลายสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย แยกเป็น 5 แฉกสีแดง เกสรตัวผู้ติดรอบๆ ดอกเป็นสีเหลือง ออกดอกตลอดปี


    สรรพคุณทางยาและประโยชน์
ในคัมภีร์อายุรเวท พูดถึงสรรพคุณของดอกชบาว่า ช่วยฟอกโลหิต บำรุงจิตใจให้แช่มชื่น บำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาและบรรเทาโรคเกี่ยวกับไต และโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่น เสียเลือดประจำเดือนมากเกินไป ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งปัญหาเรื่องระดูขาว ส่วนอื่นๆของชบายังใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย อย่างเช่น
-เปลือกต้นชบาใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
-ใบชบาใช้แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บำรุงผม



ชบาเป็นดอกที่สมบูรณ์เพศ มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย เกสรตัวผู้เป็นดอกยาวยื่นขึ้นมากลางดอก ปลายสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย แยกเป็น 5 แฉกสีแดง เกสรตัวผู้ติดรอบๆ ดอกเป็นสีเหลือง ออกดอกตลอดปี

1. กลีบเลี้ยง ( Sepal ) เป็นกลีบเล็ก ๆ สีเขียว อยู่ล่างสุดของดอก ในระยะที่ดอก เริ่มผลิดอกออกมาใหม่ ๆ เราจะเห็นดอกตูมสีเขียวขยายโตขึ้น  สีเขียวที่หุ้มดอกจะแยกออกมารองรับกลีบดอก  กลีบสีเขียวนั้นคือกลีบเลี้ยงนั่นเอง  กลีบเลี้ยงจะทําหน้าที่ห่อหุ้มดอกตูมและป้องกันอันตรายให้้กลีบดอกในขณะที่ยังอ่อนอยู่

    2. กลีบดอก  ( Petal ) เป็นส่วนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากกลีบเลี้ยง  กลีบดอกส่นใหญ่ จะมีสีสวยสะุุุดุุดตาหลายชนิดมีกลิ่นหอม  ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่กับสี ลักษณะ  และจํานวนของกลีบดอกเป็นสําคัญ กลีบดอกเป็นส่วนประกอบของ ดอกที่บอบชํ้าง่ายและร่วงโรยเร็วกว่าส่วนประกอบอื่นๆ

    3. เกสรตัวตัวผู้ ( Stamen )   มีลักษณะทั้วไปเป็นคล้ายหลอดอันเล็กๆ มักมีสีขาว  ปลายหลอดจะมีอับใส่ละอองเรณูรูปร่างค่อนข้างกลมเกสรตัวผู้จะอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้ามาข้างในดอก  ก้านของเกสรตัวผู้อาจจะติดกับกลีบดอก  หรือแยกออกมาต่างหากก็ได้  แล้วแต่ชนิดของพืช  ดอกไ้ม้ดอกหนึ่ง ๆ  อาจมีเกสรตัวผ ู้ตั้งแต่หนึ่งอันไปจนถึงหลาย ๆ อัน

      4. เกสรตัวเมีย ( Pistil )  เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของดอก  อาจจะมีอันเดียวหรือหลายอันก็ได้  เกสรตัวเมียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ล่างสุด    บริเวณฐานรองดอก  ภายในรังไข่จะบรรจุไข่อ่อนเล็กๆ ไว้  เหนือรังไข่จะเป็นท่อยาวขึ้นมา  เรียกว่า  ก้านชูเกสร  ในท่อของก้านชูเกสรจะมีน้ำีเหนียว ๆ อยู่  เพื่อ
นำสเปิิร์มของเกสรตัวผู้ลงมาผสมกับไข่ในรังไข่ของเกสรตัวเมีย  และบนสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ซึ่งมีนํ้า เหนียวๆ อยู่เช่นกัน นํ้าเหนียวๆ นี้จะช่วยยึดเกาะเกสรตัวผู้ให้เข้ามาผสมกับเกสร   ตัวเมียได้ดีขึ้น

การปลูกและดูแลรักษา
ชบาทำการขยายพันธุ์โดย ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง เสียบยอด เป็นไม้ดอกที่ปรับตัวเจริญเติบโตได้ทุกสภาพแวดล้อม แต่ที่เหมาะสมคือสภาพอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน ดินปลูกควรเป็นดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีน้ำขังแฉะ การให้น้ำควรให้สม่ำเสมอ ถ้าขาดน้ำจะสลัดใบล่างทิ้งอย่างรวดเร็ว

อ้างอิง

น.ส.ธัญลักษณ์ธัน  ธานีวรรณ  เลขที่ 18 

น.ส.วันวิสา การิวัตร  เลขที่ 31

1 ความคิดเห็น: